เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๘ ก.ย. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต


ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี


ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมนะ สัจธรรมเป็นความจริง ความจริงอย่างยิ่ง ของเราความจริงตามสมมุติ แล้วบอกว่าสมมุติไม่มีๆ ข้ามพ้นสมมุติๆ

เราข้ามพ้นสมมุติไม่ได้หรอก สมมุติมันของชั่วคราว อย่างเช่นการเกิด การเจ็บ การแก่ การตายเป็นเรื่องสมมุติ เป็นเรื่องสมมุติจริงๆ นะ เพราะอะไร เพราะเราเกิด เราต้องตาย ไม่มีอะไรเป็นสัจจะเป็นความจริงที่ยั่งยืน

ที่ยั่งยืนก็คือสัจธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค นิโรธคือการดับทุกข์ ดับทั้งหมดทั้งสิ้น ความดับทั้งหมดทั้งสิ้นมันต้องมีสติมีปัญญา มีการแก้ไขของมันขึ้นมาให้มันเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา ถ้าเป็นสัจจะความจริงขึ้นมา

ถ้าคนมีสัจจะความจริงขึ้นมาในหัวใจเป็นความจริง การเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเรื่องธรรมดา มันเป็นเรื่องธรรมดาๆ มันต้องเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่แล้ว เห็นไหม การเกิด การแก่ การเจ็บ และการตาย

การเจ็บและการตาย ใครเกิดมาต้องเผชิญหน้าแน่นอน แต่การเผชิญหน้านั้น เผชิญหน้านั้นด้วยสติด้วยปัญญาหรือไม่

ซึมเศร้าๆ เขาว่าซึมเศร้าต่อไปจะครองโลก ครองโลกเพราะอะไร เพราะคนมันสะสม มันเก็บไว้ในหัวใจของมัน กดดันหัวใจของมัน เป็นโรคซึมเศร้า เวลาซึมเศร้าขึ้นมา ผลที่สุดแล้วมันคิดว่าจะเอาตัวรอดๆ เอาตัวไม่รอดไง นี่ไง เวลาถึงที่สุดแล้วทำลายตัวเองให้สิ้นชีวิตไป แต่มันทำลายความรู้สึกอันนั้นไม่ได้ ทำหัวใจอันนั้นไม่ได้

ถ้าทำหัวใจอันนั้นไม่ได้ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นที่ทำได้ ทำได้ที่ไหน ทำได้ที่เรามีศรัทธามีความเชื่อของเรานี่ไง มีศรัทธาๆ

คนที่มีศรัทธาคือคนที่มีศักยภาพในตัวของตัวเอง คนที่ไม่มีศรัทธา คนที่เขาว่าเขามั่นคง เขานักเลงเข้มแข็งนั่นน่ะ นั่นน่ะคือเขาไม่มีศักยภาพในตัวเขาเอง เขาไม่มีศักยภาพในตัวเขาเองเพราะอะไร เพราะเขาทำลายคนอื่นไง ทำลายคนอื่นเพื่อความมั่นคงของเขา ทำลายคนอื่นเพื่อความยั่งยืนของเขา แต่คนที่มีศรัทธามีความเชื่อของเขา เขาศรัทธาในตัวของเขา ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เขาพยายามกระทำของเขา ถ้าเขาทำของเขาเพื่อประโยชน์กับเขาไง

ถ้ามีศรัทธามีความเชื่อ คนนั้นมีศักยภาพ มีศักยภาพขึ้นมา หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ถ้าหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ พยายามค้นคว้าหาใจของตนให้เจอ ถ้าค้นคว้าหาหัวใจของตนให้เจอ มันจะแก้ไขของมันๆ

เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ ข้อ ทุกๆ กระทง ชี้เข้าไปที่ใจของสัตว์โลก เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นการเกิด การแก่ การแก่ การเจ็บ การตาย ที่ไหนไม่มีการเกิด ที่นั่นก็ไม่มีการแก่ ไม่มีการเจ็บ ไม่มีการตาย ถ้าไม่มีการเกิด

แล้วอะไรมันเกิด อะไรมันเกิด

นี่ไง ทางโลก วิทยาศาสตร์ พ่อแม่มีเพศสัมพันธ์ก็เลยเกิดไง โอปปาติกะ นี่ไง โอปปาติกะที่มันเกิดโดยความด้วยบุญด้วยกรรมล่ะ นี่ไง อะไรมันเกิด

เวลามันเกิดขึ้นมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงสอนเข้ามาที่นี่ไง การเกิด การแก่ การเจ็บ การตายเป็นเรื่องธรรมดา การเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดา มันเรื่องธรรมดาทั้งสิ้น แต่มันจะเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ไง ถ้าคนเป็นประโยชน์เขาจะเอาเรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นมาพิจารณา มาใคร่ครวญของมัน แล้วไม่หลงใหลในภพชาตินั้น พยายามเห็นภัย เห็นไหม

นี่ไง สิ่งที่ไฟไหม้บ้านไหม้เรือนแล้ว มันเผาผลาญไปแล้ว มันเผาผลาญไปแล้วเราจะทำสิ่งใดเพื่อประโยชน์กับเราได้มากน้อยแค่ไหน

เรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเรื่องธรรมดา แต่ต่อไปนี้จะต้องมีไฟเหลืองมากขึ้น เราจะต้องมีเวลาแยกออกไปต่างหากเพื่อไม่ให้สิ่งสภาวะแวดล้อมที่เลวทรามมันกดดันทำลาย

เวลาช้าง ช้างป่าเวลามันเที่ยวป่าๆ มันไปโดนบ่วงของพราน เวลาไปโดนบ่วงของพราน คนที่มีเมตตาเขาพยายามเอามันมารักษา แล้วก็ปล่อยมันคืนป่าไป

นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่ว่าต้องมีไฟเหลืองๆ ขึ้นมา ความทับถม ความกดดันของสังคมๆ ไง ฉะนั้น ต้องมีไฟเหลืองๆ ต่อไปไฟเหลืองต้องมีมากขึ้น แล้วพยายามกระจายมากขึ้น

ไอ้เรื่องการเจ็บการตายเป็นเรื่องธรรมดา แต่มันมีการซับสม เห็นไหม ช้างป่าถ้ามันอยู่ในป่าของมัน มันหาอาหารของมัน มันไม่ขาดแคลนของมัน มันก็ไม่เข้ามาใกล้บ้านใกล้เรือนของมัน มันก็ปลอดภัยของมัน เวลามันเข้ามามันไปเหยียบบ่วงของพราน มันยิ่งกระตุก ยิ่งชักลาก มันยิ่งรัดมากขึ้น เน่าหมดเลย ขานั้นเน่าเสียไปหมดเลย

นี่ก็เหมือนกัน สิ่งสภาวะแวดล้อมต่างๆ ขึ้นมาถ้ามันทับถมเกินไป ไฟเหลือง ตัดทิ้ง ตัดทิ้ง ตัดทิ้ง ต้องตัดทิ้งอย่างดียว ตัดทิ้งอย่างเดียว แล้วเราพยายามรักษาตัวเองของตน

เพราะเป็นเรื่องธรรมดา การเจ็บ การป่วย การเกิด การแก่ การเจ็บ การตายเป็นเรื่องธรรมดาๆ เรื่องสมมุติทั้งสิ้น แต่ไม่เกิดสำคัญกว่า ไม่เกิดสำคัญกว่า

ที่เรามาวัดมาวากันเรามาแสวงหา เวลาพระพุทธศาสนาชื่นชมยินดีกันมาก ว่าแก่นของศาสนา อริยสัจเป็นสิ่งที่ประเสริฐมาก วิทยาศาสตร์ ๒,๐๐๐ กว่าปีเพิ่งมาคิดได้ เพิ่งมาค้นคว้าติดตาม แต่ธรรมะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันยั่งยืน

แต่เวลาคนเราไปศรัทธาความเชื่อก็ไปศรัทธาความเชื่อเรื่องอภิญญาซะ อภิญญาเป็นฤทธิ์เป็นเดชขึ้นไปมันมีของมันอยู่แล้วไง เขาเรียกมนต์ดำๆ ไง สมาธิก็เป็นมิจฉาไง มิจฉาสมาธิโดยธรรมชาติของมันมีของมันอยู่แล้วไง แต่จะเข้าสู่สัมมาๆ เข้าได้ยาก เข้าได้ยากเพราะอะไร เพราะมันอยู่ที่อำนาจวาสนาไง

ดูสิ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นเวลาท่านภาวนาของท่านไป พิจารณากายก็ธรรมดาๆ อยู่อย่างนั้นน่ะ เพราะอะไร เพราะการสร้างสม ไม่มีสร้างสม ไม่มีศรัทธาความเชื่อขึ้นมา มันก็ไม่สร้างสมบุญญาธิการขึ้นมา การสร้างสมบุญญาธิการขึ้นมา บุญญาธิการ บุญๆๆ บุญก็ทำแต่ความดี มันก็เป็นอภิญญาไปซะ มันจะเข้าสู่อริยสัจ เข้าสู่อริยสัจเข้าอย่างไร

ถ้าเข้าอย่างไร เห็นไหม คนที่มีอำนาจวาสนาขึ้นมาเวลาพิจารณาการเกิด แก่ เจ็บ ตาย คนที่มีวาสนานะ เวลาเด็กเขาคิดถึงในครอบครัวของเขา คิดถึงพ่อถึงแม่ คิดถึงปู่ย่าตายายของเขา ทำอย่างไรก็ได้ให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายของเราให้มีความอบอุ่นในหัวใจของเรา มีความอบอุ่นในใจนะ

แล้วความอบอุ่นมันอยู่ที่ไหนล่ะ

เงินทองถมเข้าไปเถอะ เท่าไรก็เท่านั้นน่ะ เวลาลูกเด็กเล็กแดง เขาบอกได้กอดมันหรือยัง เข้าไปถึงได้ทักได้ทายพ่อแม่ปู่ย่าตายายหรือยัง

เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ทำงานมาเกือบตาย เข้ามาก็อยากพักผ่อน

ไอ้ที่พ่อแม่นั่งรออยู่นะ ทั้งคืนเลย นั่งเฝ้าประตู มันจะมาเปิดประตูเมื่อไหร่ เขานั่งเฝ้ากันทั้งวันทั้งคืนน่ะ นี่บอกเหนื่อยมากๆ จะพักผ่อนๆ

นี่ไง เรื่องของหัวใจมันสำคัญกว่าไง เรื่องของห่วงหาอาลัยอาวรณ์กันมันสำคัญมากกว่าไง มันสำคัญเพราะอะไร เพราะว่าธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจี้เข้าไปที่หัวใจของสัตว์โลกไง ใครเป็นคนเกิด แล้วทำไมมาเกิดกับพ่อแม่ของเรา ถ้าเกิดกับพ่อแม่ของเราแสดงว่ามีเวรมีกรรมต่อกันมา แต่เวรกรรมถ้ามันเป็นอภิชาตบุตรนะ เราอย่าไปน้อยเนื้อต่ำใจใดๆ ทั้งสิ้น ชีวิตนี้มีค่ามาก ได้เกิดมานี่มหาศาลเลย

เพราะดูสิ พวกมด ปลวกต่างๆ มันก็อยากเกิดเป็นคนทั้งนั้นน่ะ แต่ทำไมมันไปเกิดที่นั่นน่ะ ไปดูผึ้งสิ ไปดูแมลงสิ แมลงผึ้ง ผึ้งงานมันบินทั้งวันเลย เพื่อหาเกสรมาเพื่อนางพญาของมัน แล้วมันก็เป็นเหยื่อ เหยื่อของนก เหยื่อของสัตว์นักล่า แล้วมันก็เป็นเหยื่อของเขา เห็นไหม เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันหมุนของมันอยู่อย่างนั้นน่ะ

เราไม่เคยเป็นอย่างนั้น ตอนนี้เราเป็นมนุษย์ เราภูมิใจของเรา ภูมิใจของเรา

มนุษย์สมบัติอยู่ที่ไหน อะไรเป็นสมบัติของเรา กระดาษใช่ไหม ยศถาบรรดาศักดิ์หรือ โมฆบุรุษตายเพราะลาภ ตายเพราะสักการะ ตายเพราะความว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอันเลย

ทำสมาธิขึ้นมาได้ มันศรัทธาในความเชื่อของตน ทำสมาธิได้ก็ค้นคว้าหาใจของตน พอเห็นใจของตน โอ้โฮ! ทำสมาธิได้มันมีคุณค่ามากๆ มีคุณค่ามากเพราะอะไร เพราะคนที่เป็นคน เป็นคนกันอยู่นี่มันมาจากไหน มาจากหัวใจทั้งสิ้น หัวใจของคนทำให้คนเป็นคนขึ้นมา แล้วคนมีความรู้สึกนึกคิดมากน้อยแค่ไหน

ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์เขาพยายามวิจัยเรื่องสมองไง คณะวิทยาศาสตร์ของศิริราช เขาเป็นหมอแล้วเขามาบวช บวชแล้วก็มาหาเรา บอกว่าตอนนี้เขาทำวิจัยเรื่องสมอง แล้วบอกว่าธาตุ เรื่องของธาตุ สมองคือสมอง เวลาสมอง พลังงานไฟฟ้า พลังงานไฟฟ้ามันรวดเร็วของมัน แล้วจิตอยู่ไหน

จิตมันเร็วกว่ามึงอีก แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าค้นคว้าหาจิตเจอ เวลาหาจิตเจอแล้ว จิต คูหาของใจๆ แล้วเอ็งอยู่ที่ไหน

แล้วคูหาของใจ เวลาผู้ที่ทำชั่ว ในบรรดามนุษย์นะ ในสังคมทุกสังคมมีคนดีและคนชั่ว เวลาคนชั่วมันทำลายๆ มันทำลายทั้งสิ้น แต่ผลไม้มันมีเปลือกและมีเนื้อ เวลาเปลือกที่มันห่อหุ้มไว้ไง เรามาบวชพระๆ เพราะอะไร

เราบวชพระ ถ้าทางโลกบวชพระเพื่อความสุขความสบาย แต่บางทีถ้าบวชพระ เขาทุกข์ยากมาพอแรงแล้วล่ะ ดูสิ ปากกัดตีนถีบทุกข์ไหม แล้วเวลาบวชเป็นพระไปแล้ว นักรบรบกับอะไร รบกับกิเลสความคิดของตนไง

เช้าขึ้นมาบิณฑบาตเลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้งนะ ขอให้มีข้าวตกบาตรพอแล้ว ขอให้มีข้าวเลี้ยงชีพได้เท่านั้นน่ะ เพราะอะไร เพราะเห็นคุณค่าของชีวิตไง

เวลาชีวิตต้องการอาหารใช่ไหม อาหารนะ อาหารอะไรก็ได้ที่มันตกบาตร แล้วได้กลืนกินเข้าไปเพื่อเป็นสารอาหารให้ร่างกายมันอยู่ได้ ร่างกายอยู่ได้ทำไม ร่างกายอยู่ได้ไว้เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา เพื่อค้นคว้าหาใจของตน ถ้าหาใจของตนเจอ นั่นน่ะคนที่มีคุณค่าๆ ไง นี่เวลาอัตตสมบัติของส่วนบุคคลไง

อัตตสมบัติของส่วนบุคคล ใครรู้ใครเห็น ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโกไง แล้วถ้ามันรู้มันเห็นขึ้นมา เป็นประโยชน์ขึ้นมาแล้ว มันจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นได้ไง

แต่เวลาช้างสารมันอยู่ในป่าในเขาของมัน ชีวิตของมันรื่นเริงของมัน มันอยู่ในธรรมชาติของมัน แต่มนุษย์เป็นสัตว์สังคมไง พระก็เกิดมาจากคนไง มีพ่อมีแม่เหมือนกัน มีอุปัชฌาย์อาจารย์เหมือนกัน ถึงคราวเข้าพรรษาเขาก็ไปทำวัตรกัน เพื่ออะไร เพื่อให้ครูบาอาจารย์ให้อุบายมา

อุบาย ในพรรษานั้นท่านก็พยายามขวนขวายของท่าน การกระทำของท่านขึ้นมา การกระทำของท่านขึ้นมาเพื่อเป็นสังคม เป็นสังคมขึ้นมาเพื่อหัวใจที่มันหลุดพ้นไง แล้วหัวใจเราหลุดพ้นหรือไม่ไง

นี่ไง ถ้ามันหลุดพ้นได้ มันหลุดพ้นด้วยอะไร

หลุดพ้นด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ไม่มีทางหลุดพ้นได้อย่างอื่นเลย อย่างอื่นไม่มี ไม่มีสิ่งใดทำให้หัวใจหลุดพ้นได้ เว้นแต่มรรคแต่ผลไง

ในศาสนาใดไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล

ในดวงใจที่การประพฤติปฏิบัติขึ้นมามันไม่มีมรรคไง มีแต่ขี้โม้ มีแต่สอนคนอื่น ไม่สอนตัวเอง สอนคนอื่น แล้วสอนคนอื่น คนชี้นิ้วออกไป ไอ้คนที่มันมองกลับมามันเห็นข้อบกพร่องทั้งสิ้น แต่ยังชี้นิ้วสอนเขาอยู่นะ

ความบกพร่องในตัวมึงมากมายมหาศาล ถ้ามากมายมหาศาล ต้องปัจจัตตัง สันทิฏฐิโกไง ให้มันหมดสิ้นไปตามสัจจะความเป็นจริง รื้อเท่าไร ค้นเท่าไรก็ไม่มีไง

ไอ้นี่ไม่ต้องรื้อ ไม่ต้องค้น เห็นบานเบอะไปเลย ความเลวทรามของตนไง แต่ถ้าเป็นความจริงนะ ให้รื้อค้น รื้อค้นจนตาย

ในพระไตรปิฎก เวลาภิกษุเป็นพระอรหันต์สิ้นชีวิตไป มารมันค้นคว้าใหญ่เลย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “พญามาร ไม่ต้องค้นคว้าให้เหนื่อยหรอก หาไม่เจอ” นี่ทำลายภวาสวะ ทำลายภพ

เราซื้อที่ดินกัน เราโอนที่ๆ กัน ที่ดินที่พื้นที่ไง แต่หัวใจหาไม่เจอ ภวาสวะคือภพ สถานที่ ถิ่น อวิชชาเกิดที่ไหน อวิชชาเกิดที่ใจ กิเลสเกิดที่ไหน เกิดที่ใจ คนเป็นเท่านั้นที่มันทำลายกัน

นอนติดเตียงทำอะไรไม่ได้แล้ว ซากศพทำอะไรใครไม่ได้เลย ไอ้คนทำลายกันมันใช้ความคิดมันทำลายนั่นน่ะ นี่ไง มันเกิดมาจากไหน มันเกิดมาจากภวาสวะ เกิดมาจากจิต แล้วเอ็งเห็นจิตไหม ไม่เห็น เที่ยวแต่สั่งสอนคนอื่นๆ ตัวเอง จิตของตนยังไม่รู้ สมาธิทำไม่เป็น

สมาธิทำไม่เป็น เราก็พยายามกันไง ที่เรามาทำกัน คนถามปัญหามาเยอะมากมาย “ทำแล้วไม่ได้ ทำแล้วไม่ได้”

ถ้ามันง่ายอย่างนั้น พระอรหันต์เต็มประเทศไทยแล้ว ถ้ามันทำง่ายๆ พระบวชมาในเมืองไทยสี่แสนองค์ แล้วมันมีดีมีเลวขนาดไหน ถ้ามันทำได้ง่ายๆ บวชเป็นพระมา ศีล ๒๒๗ ทำไมเขาไม่ทำให้เป็นมรรคผลขึ้นมาในใจของเขา ทำไมเขาบวชมาแล้วเขามาปลิ้นปล้อน กะล่อนปลิ้นปล้อนหลอกลวงประชาชนอยู่นั่น เพราะอะไรล่ะ เพราะกิเลสในหัวใจไง กิเลสในหัวใจมันครอบงำในภวาสวะอันนั้นไง

ฉะนั้น เราพยายามทำของเราไง เราเพิกเราถอน แหวกจอกแหนๆ แหวกจอกแหนก็เห็นน้ำนั้นน่ะ แหวกจอกแหนก็เห็นหัวใจของตน

แหวกจอกแหนๆ แล้วแหวกไปไหนล่ะ มันก็วนกลับมาหามึงนั่นแหละ มึงแหวกเท่าไรมันก็อยู่ที่นั่นน่ะ จอกแหนมันไปอยู่ที่ไหนล่ะ

นี่ไง มันมีความจริงอยู่ พระพุทธศาสนา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มันอยู่ที่หัวใจของเราไง พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เราค้นคว้ากันที่นี่

ฉะนั้น สิ่งที่เป็นเรื่องปกตินะ สัจธรรมๆ การเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเรื่องธรรมดา แต่ช้างมันโดนบ่วงรัดเท้า มันเท้าเน่า แล้วถ้ามันกระชากแรงมันก็เจ็บไข้ได้ป่วย

การเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเรื่องธรรมดา แต่ต่อไปต้องมีไฟเหลืองตลอด เราจะใช้ไฟเหลืองไปเรื่อยๆ ไฟเหลืองจะต้องกลับมาเพื่อประโยชน์ เพื่อการดำรงชีวิตนี้ไว้ เพราะสิ่งที่กดดัน สิ่งที่ทับถม มันทำให้ร่างกายอ่อนแอ เสียการดูแลตัวเอง

ฉะนั้น ถ้าไฟเหลืองคือไฟเหลือง ถ้าไฟเหลืองต้องกลับมาใช้เพื่อประโยชน์ของตน เพื่อผลเพื่อประโยชน์ของสังคม ประโยชน์สังคมๆ นะ การอยู่และการตายมีค่าเท่ากัน ไร้สาระ เรื่องตายๆ มาหลอกกัน แต่เพื่อสังคมๆ ไง

เวลาพระอรหันต์ไปลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า “ให้สมควรแก่เวลาของเธอเถิด”

เอ็งมีบุญ มีกุศลมากน้อยแค่ไหนก็ตามนั้นน่ะ เอ็งมีวันเวลาเท่าไรที่สร้างมาก็ตามนั้นน่ะ ไม่เร่งรัดและไม่ยืดเยื้อ ตามแต่เวรแต่กรรมของสัตว์

สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม แล้วกรรมของใครที่โง่หรือฉลาด ถ้าเขาฉลาด เขาก็รักษาชีวิตของเขาไม่ให้ทุกข์ไม่ให้ยากจนเกินไป ถ้าเขาโง่เง่าเต่าตุ่น ซื้อยาบ้ามาเสพ ดริงก์กัน ชนแก้วกัน มันมีประโยชน์อะไร แต่เขามีความสุขนะ นี่สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม

สัจธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใจดวงใดมีมรรค ใจดวงนั้นจะมีผล

มรรคผลเป็นที่เราขวนขวาย เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา นั้นคือการขวนขวาย เห็นไหม ทางโลกเขาปากกัดตีนถีบขวนขวายเพื่อเลี้ยงร่างกาย เราจะหาสัจธรรมเพื่อเลี้ยงหัวใจของเรา รักษาหัวใจของเรา ถ้ามันพัฒนาขึ้น เป็นพระโพธิสัตว์สูงขึ้นๆ ถ้าสูงขึ้นเรื่อยๆ ขึ้นไป ถ้ามันมีสัจจะมีความจริง ย้อนกลับมาเป็นมรรค ศีล สมาธิ ปัญญา อัตตสมบัตินี้สร้างคนให้เป็นคนดี คนคิดดี คนทำดี มันแสดงออกมาสิ่งที่ดีงาม

ไอ้คนพยายามหน้าไว้หลังหลอก หน้าฉากก็ว่าเป็นคนดี หลังฉาก บ้านที่ปิดไว้ดีแล้ว ขโมยมันยังปีนเข้า มันยังปล้น มันยังจี้ มันยังทำลายทั้งสิ้น

หัวใจของเรา เรามีสติมีปัญญารักษาหัวใจของเราเพื่อความเป็นคนดีในหัวใจของเรา เป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก เราเท่านั้นเป็นคนรื้อค้นหามันดีหรือชั่ว ความลับไม่มีในโลก เราเป็นคนรู้คนเห็นของเราเอง เพื่อประโยชน์กับหัวใจดวงนี้

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งใหญ่ตรงนี้ไง ยิ่งใหญ่ตรงชนะหัวใจของตนไง ชนะคนอื่นหมื่นแสนคูณด้วยล้าน มีแต่เวรแต่กรรมทั้งสิ้น สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมไง แต่ชนะหัวใจของเรา ชนะจิตใจอันนี้ยิ่งใหญ่ที่สุด เอวัง